เปิดความมั่งคั่ง”ทักษิณ ชินวัตร”และครอบครัว 10 ปี ( ปี 2557-2566 ) โตทะยาน 31% ล่าสุดจากการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย โดยฟอร์บส์ ฯ ปี 2566 มีมูลค่าความมั่งคั่งรวม 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ราว 73,000 ล้านบาท
นายทักษิณ ชินวัตร หรือ”โทนี่ วูดซัม” วัย 74 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 และผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งใช้ชีวิตลี้ภัยในต่างประเทศนาน 17 ปี ( กลับประเทศครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2551 ) และกำลังเดินทางกลับประเทศไทยในวันอังคารที่ 22 สิงหาคม 2566 เวลา 9.00 น.ณ สนามบินดอนเมือง
แม้การกลับมาประเทศไทยครั้งนี้ เขาต้องกลับมาในฐานะ”นักโทษชายทักษิณ” เนื่องจากมีคดีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วทั้งสิ้น 4 คดี โทษจำคุกรวม 12 ปี แต่ในจำนวนนี้มี 1 คดีที่ขาดอายุความไปแล้วคือ คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี ส่งผลให้เหลือโทษจำคุกรวม 10 ปี ดังนั้นทันทีที่ “นายทักษิณ” ลงจากเครื่องถึงสนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะไปรอรับและอายัดตัวตั้งแต่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนำตัวไปยังสถานที่ควบคุมพิเศษ ที่ตั้งอยู่ในสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนเดินทาไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญา (สนามหลวง ) จากนั้นจึงนำตัวนายทักษิณไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
คดีที่เหลือ 3 คดีมีโทษจำคุก 10 ปี ดังนี้
สำหรับคดีที่เหลืออีก 3 คดี และมีโทษจำคุกรวม 10 ปี ได้แก่
- 1.คดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า แห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลเมียนมา โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน อันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2562
- 2.คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว (หวยบนดิน) ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุกนายทักษิณ 2 ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2562
- 3. คดีให้บุคคลอื่น (นอมินี) ถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แทน โดยบริษัท ชินคอร์ปฯ เป็นคู่สัญญาต่อหน่วยงานของรัฐ และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคม โดยศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา
กระนั้นก็ตาม ในด้านสถานะความมั่งคั่งของนายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวชินวัตร ตามข้อมูลที่ ฐานเศรษฐกิจ รวบรวมจาก ” Forbes Thailand ” พบว่าในช่วง 10 ปี ( ปี 2557- 2566 ) กลับมีมูลค่าความมั่งคั่งทะยานพุ่ง ซึ่งมาจากการลงทุน และการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ใน บริษัทเอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SC สัดส่วน 63.59% (ข้อมูลปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 3 พ.ค. 66 ) นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ อาทิการที่นายทักษิณ ลงทุนใน 2 บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสุขภาพ (health tech startups ) ที่ประเทศอังกฤษ คือ DNANudge และ Owlstone Medical ฯ ล ฯ
ทั้งยังปรากฏให้เห็นว่า ในช่วงที่เกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด จนทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของ 50 มหาเศรษฐีไทยปี 2563 โดยรวมลดลงถึง 18% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 9.24 แสนล้านบาท) เหลือ 1.32 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่สำหรับนายทักษิณ และครอบครัวชินวัตร กลับรักษาระดับความมั่งคั่งยืนที่ 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลอดช่วง 3 ปี ( ปี 2561-2563 ) ก่อนพุ่งแตะระดับ 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 73,000 ล้านบาท ) มาอยู่อันดับที่ 13 ในปี 2566
กล่าวได้ว่าความมั่งคั่งของนายทักษิณ ในช่วง 10 ปี ทะยานเพิ่มราว 31% จากปี 2557 ที่อยู่ระดับ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และเติบโตราว 16% ในช่วง 3 ปี ( 2563-2566 ) นับจากวิกฤติไวรัสโควิด-19
ส่วนโทษจำคุกยังต้องดูกันต่อว่าหลังจากนี้ นายทักษิณ ชินวัตร จะได้รับการลดโทษ-การขอพระราชทานอภัยโทษ การลดเป็นรายคดีอย่างไร เพราะศาลไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อกัน ซึ่งอาจทำให้เขาไม่ต้องจำคุกถึง 10 ปี…