[ad_1]
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่อง “ครูกายแก้ว” ที่กำลังตกเป็นที่พูดถึงในสังคมเป็นอย่างมากเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา จนกระทั่งมาถึงพิธีการบนบานสานกล่าว ที่คนในโซเชียลรายหนึ่งไปแนะนำว่า ถ้าจะบูชาครูกายแก้วให้สัมฤทธิผล ต้องบูชายัญด้วยสุนัขและแมว จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างหนักนั้น ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ เทวาลัยสถานบางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถาม นายณัฐวุฒิ รัตนสุข อายุ 42 ปี ผู้ก่อตั้งเทวาลัยพระพิฆเนศบางใหญ่ ซึ่งภายในเทวาลัยแห่งนี้ มีรูปปั้นครูกายแก้วขนาดเท่าคนจริง ประทับอยู่ และเปิดให้ผู้มีความเชื่อ มาสักการะได้ตลอด 24 ชั่วโมง มานานกว่า 4 ปี
ชี้ ‘ครูกายแก้ว’ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ‘จตุคามรามเทพ’ แปลกใจมีแต่คนรุ่นใหม่ที่ศรัทธา!
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า เทวาลัยบางใหญ่ สร้างเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 62 เพื่อสืบต่อเจตนารมณ์อาจารย์สุชาติ รัตนสุข ผู้ก่อตั้งเทวาลัยพระพิฆเนศ ห้วยขวาง พระตรีมูรติที่แยกราชประสงค์ เศรษฐีชุมพลที่ธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ ตนในฐานะที่เป็นหลานของอาจารย์สุชาติ ได้ร่ำเรียนสืบทอดวิชาต่อมา เพราะไม่ต้องการให้วิชาเหล่านี้สูญหายไป จนเห็นว่าในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เป็นบ้านเกิดของอาจารย์สุชาติเอง ยังไม่มีเทวาลัยสถานที่เปิดให้ผู้คนเข้ามากราบสักการะอย่างเป็นทางการ จึงได้สร้างเทวาลัยแห่งนี้ เพื่อให้ทุกคนมีที่พึ่งทางจิตใจ ไม่ต้องเดินทางไกล และได้อัญเชิญรูปปั้นของครูกายแก้ว ตั้งเมื่อปี 62 เพื่อให้ผู้คนมากราบไหว้ขอพรตามความเชื่อได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันปิด
นายณัฐวุฒิ เผยอีกว่า ที่มาของครูกายแก้ว เกิดจากพระสงฆ์รูปหนึ่งที่จังหวัดลำปาง ได้นั่งกรรมฐานที่นครวัด จนไปพบกับดวงจิตของครูกายแก้ว จากนั้นได้นำรูปปั้นครูกายแก้วติดตัวกลับมาด้วย ก่อนรูปปั้นดังกล่าว จะตกไปอยู่กับ อ.ถวิล มิลินทจินดา แล้วก็ตกทอดมาสู่ อ.สุชาติ รัตนสุข ซึ่ง อ.สุชาติ ก็ได้นำรูปปั้นเก็บไว้ที่สำนักงานที่ย่านบางพลัดมานานกว่า 40 ปี จนต่อมา อ.สุชาติ นิมิตเห็นรูปลักษณ์ รูปร่างของครูกายแก้ว จึงเรียกช่างมาปั้นรูปเหมือนครูกายแก้ว ตามแบบที่นิมิตเห็นคือเป็นรูปครูกายแก้วในปางยืน ซึ่งเป็นองค์ปฐมต้นแบบ ก่อนจะมาสร้างเป็นปางนั่งในภายหลัง
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า ตนในฐานะหลานของ อ.สุชาติ ซึ่งได้ศึกษาเรียนรู้หลักต่างๆ มาจาก อ.สุชาติ ซึ่งเป็นต้นสายของการบูชาครูกายแก้ว ท่านได้กำชับเตือนกับตนเอาไว้ว่า ห้ามเด็ดขาด อย่านำของสดไปไหว้บูชาครูกายแก้ว ให้นำแต่ผลไม้ ดอกไม้ ขนมหวาน หรือทองคำ ไปไหว้สักการะเท่านั้นพอ ไม่มีของสดหรือของมึนเมาใดๆ ท่านได้สั่งห้ามไว้เด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมา จะเป็นที่ทราบกันดีในกลุ่มผู้นับถือครูกายแก้ว ที่มีอยู่ประมาณ 300-400 คน ว่าครูกายแก้วไม่ชอบของสด การตั้งโต๊ะทำพิธี จึงใช้วิธีจำลองขนม หรือถั่วต่าง ๆ ให้เป็นรูปของสดต่าง ๆ แทน ทั้งหัวหมู ไก่ เป็ด กุ้ง เป็นต้น จนกระทั่งเมื่อเริ่มมีกลุ่มผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้น อ.สุชาติ จึงตัดสินใจนำรูปปั้นครูกายแก้ว ออกไปตั้งให้ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้ที่แรก คือที่เทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวางและที่อาเขต
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่มีผู้คนในโซเซียล ไปแนะนำว่าให้นำสุนัขหรือแมวไปบูชายัญครูกายแก้วนั้น เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะจากที่ตนศึกษากับ อ.สุชาติ มา ไม่เคยทำพิธีบูชาด้วยของสดแม้แต่อย่างเดียว การจะบูชาครูกายแก้ว ไม่จำเป็นต้องไปเบียดเบียนชีวิตใคร ก็สามารถขอพรได้แล้ว แต่นี้แค่เริ่มต้นก็ไปทำกรรมแล้ว ไม่เป็นมงคล แล้วจะไปรับสิ่งที่เป็นมงคลได้อย่างไร ตนขอพูดและฝากไปถึงคนที่คิดวิธีดังกล่าวด้วย ในฐานะคนต้นสาย เพราะที่ผ่านมา ตนก็กราบไหว้บูชามา 3-4 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาทำตามกระแสในตอนนี้
การบูชาครูกายแก้วต้องบูชาให้ถูกต้อง มากราบไหว้ท่านด้วยความศรัทธา และท่านก็ไม่ใช่เทพและไม่ใช่อสูร เพราะชื่อของท่านก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นครู และยังเป็นครู ที่ซึ่งในแต่ละปี อ.สุชาติ เองก็จะทำการปั้นรูปบูชาครูต่าง ๆ ของท่านออกมาปีละองค์ ดังนั้นเมื่อต้นสายยังไม่ไหว้ของสดเลย ก็อย่าไปพิเรนทร์คิดอะไรเองขึ้นมา ให้ทำตามแบบที่เขาปฏิบัติกันมาเท่านั้น เรื่องการขอพร หากขอการเงินก็ให้จับมือซ้ายแล้วอธิษฐาน การงานก็ให้จับมือขวาแล้วอธิษฐานแค่นั้น เมื่อได้ผลสำเร็จ ก็แค่กลับมาไหว้ท่านเท่านั้น ครูกายแก้วไม่ได้ต้องการอะไรจากเรา นอกจากสัจจะเท่านั้นที่เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนกระแสวัตถุมงคลของครูกายแก้ว ที่กำลังมีราคาสูงขึ้นไปมากนั้น ตนเชื่อว่าวัตถุมงคลของครูกายแก้ว จะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ก็ล้วนแต่มีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน และยืนยันว่า ทางต้นสายนี้ไม่มีการปั่นราคาวัตถุมงคลให้ขึ้นราคา
นายณัฐวุฒิ กล่าวปิดท้ายว่า กระแสโจมตีครูกายแก้ว ที่บ้างบอกว่าไม่มีในประวัติศาสตร์ หรือเป็นตัวเวตาลบ้างนั้น ตนขอเรียนว่า เรื่องบางสิ่งบางอย่างต้องลองเปิดใจดูก่อน บางเรื่องเป็นปัจจัตตังที่รู้ได้เฉพาะตน ซึ่งตนก็ไม่ขอไปก้าวล่วงครูบาอาจารย์ของใคร เพราะแต่ละคน ตนก็เชื่อว่าทุกคนก็ย่อมมีครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือกันทุกคนอยู่แล้ว อย่างองค์พระพิฆเนศเอง หรือพระพรหมก็ดี ตนถามว่าเคยมีใครเห็นตัวเป็นๆ ของท่านไหม ทุกอย่างอยู่ที่ความศรัทธาและความเชื่อของบุคคล แค่ความเชื่อและความศรัทธานั้น ไม่ได้ไปเบียดเบียนชีวิตใคร เราก็มีสิทธิศรัทธาในความเชื่อของเราเอง ตนขอยืนยันตรงนี้ว่า ครูกายแก้วคือครูบาอาจารย์ เวตาลก็คือเวตาล ครูกายแก้วก็คือครูกายแก้ว อย่าเอาไปเหมารวมกัน ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของครูกายแก้วนั้น ที่ผ่านมา ก็มีลูกศิษย์หรือคนที่มาบนบานขอพรจนสำเร็จ เดินทางนำสร้อยทองคำมาถวายเป็นประจำ ซึ่งปัจจุบันมีน้ำหนักรวมประมาณ 50 บาท ซึ่งทางเทวาลัยก็จะนำทองเหล่านี้ไปหลอมสร้างพระประธานในวาระต่างๆ ต่อไป
นายวันชัย อายุ 36 ปี อาชีพพ่อค้าขายอาหาร ที่เดินทางมากราบไหว้ครูกายแก้ว เปิดเผยว่า เดินทางมากราบไหว้ครูบากายแก้วบ่อยหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่จะมาขอพรในเรื่องโชคลาภและค้าขาย เพราะตนมีอาชีพค้าขายของตามตลาด ซึ่งหลังจากมาขอพร ก็รู้สึกว่าค้าขายดีขึ้น ยอดขายดีขึ้น ซึ่งเทวาลัยแห่งนี้ นอกจากจะมีครูกายแก้วแล้ว ยังมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ให้มากราบไหว้ขอพรกันอีกหลายองค์
น.ส.ธิดาพร อายุ 31 ปี อาชีพรับราชการ เปิดเผยว่า จะเดินทางมากราบไหว้ครูบากายแก้วอาทิตย์ละครั้ง เพราะบ้านอยู่ไม่ไกล ส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องโชคลาภ การงาน ซึ่งก็ได้ผลทุกครั้ง ถูกหวยบ่อย ส่วนหน้าที่การงานก็ดีขึ้น ได้ขยับตำแหน่งขึ้น ยิ่งช่วงที่ตนไม่สบายใจ ก็จะเดินทางมาบ่อยขึ้น เรื่องครูกายแก้ว เป็นเรื่องความเชื่อเป็นวิจารณญาณของแต่ละบุคคล แต่ตนเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตนมากราบไหว้เป็นประจำร่วมปีกว่าแล้ว
[ad_2]
Source link