[ad_1]
เฮลั่นยิ่งกว่าถูกหวย หนุ่มคนขายแรงอิสราเอล โผล่แชทกลางวงญาติ หลังขาดการติดต่อนาน 7 วัน เผยหนีตายไร้ทิศทาง ประทังชีวิตด้วยขนมปัง
13 ต.ค.2566 – ผู้สื่อข่าวรายงานคืบหน้ากรณีกลุ่มติดอาวุธฮามาสในปาเลสไตน์ เปิดฉากโจมตีอิสราเอลโดยไม่ทันตั้งตัว ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 นอกจากนี้ยังจับไปเป็นตัวประกันอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงแรงงานไทยด้วย เช่นเดียวกับครอบครัวของนางศิริพร แสงบุญ อายุ 47 ปี ชาวบ้านดอนแดงหมู่ 9 ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม ที่ลูกชายคนโตชื่อนายทีปกร แสงบุญ หรือ ออย อายุ 27 ปี ได้ไปทำงานในสวนเกษตร เมื่อกลางปี 2565 ในตำแหน่งคนขับรถไถสวนการเกษตร ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ก็ไม่ได้ติดต่อทางญาติเลย จึงทำให้คนในครอบครัวกระวนกระวายใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้พยายามจะติดต่อทางไลน์หรือเฟซบุ๊กก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ขณะเดียวกันก็มีญาติ ตลอดจนเพื่อนบ้าน รวมถึงหน่วยงานราชการ ต่างมาให้กำลังใจนางศิริพรไม่ขาดสาย ที่มีใบหน้าเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
ในวันนี้นางศิริพร แสงบุญ อายุ 47 ปี และ นางแดง แสงบุญ อายุ 86 ปี แม่และยายของนายทีปกรหรือออย รวมถึงญาติพี่น้อง นั่งรอความหวังว่ามีคนส่งข่าวดีของนายออยให้ทราบโดยเร็ว เพราะเวลาผ่านมานานถึง 7 วันก็ไม่มีวี่แววใด จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่เครื่องของนางศิริพร เป็นวีดีโอคอลเฟซบุ๊ก ขึ้นเป็นรูปภาพของนายทีปกร นางศิริพรรีบกดรับทันที ก็ปรากฏหน้าของลูกชาย ในสภาพที่อิดโรย อย่างไรก็ดีถือเป็นความดีใจที่นายออย ไม่ได้รับอันตรายจากไฟสงครามครั้งนี้ ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างโห่ร้องด้วยความดีใจดังลั่น ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ราฃวัลที่หนึ่งด้วยซ้ำไป
จากการวิดีโอคอลนายออยเล่าเหตุการณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม ว่า เป็นวันเสาร์ถือเป็นวันหยุดของคนงานทั่วไป ทุกคนส่วนใหญ่จะอยู่กันในแคมป์ที่พัก และนอนพักผ่อนบางคนก็ยังไม่ตื่น จู่ๆมีเสียงหวอเตือนภัยดังขึ้น คนงานต่างตกใจเตรียมคว้าสิ่งของที่จำเป็น เพื่อวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ยังไม่ทันจะหยิบฉวยอะไร ปรากฎว่ามีกองกำลังติดอาวุธหนักกลุ่มฮามาส กรูกันเข้ามาในพื้นที่แคมป์คนงาน ขณะที่บนท้องฟ้ามีจรวดพุ่งเป็นสายนับสิบลูกข้ามหัวพวกตนไป ดังนั้นเหมือนนัดกันไว้ คนงานต่างวิ่งหนีตายอย่างไร้ทิศทาง โดยมีเสื้อผ้าติดตัวกับโทรศัพท์มือถือเท่านั้น พร้อมมีเสียงปืนกราดยิงไล่หลังถี่ยิบ
นายออยเล่าต่อว่าเมื่อหนีพ้น วิถีกระสุนจากกลุ่มฮามาส ก็หาที่ซ่อนตัวกัน โดยเข้าไปในหมู่บ้านชาวอิสราเอล ที่กลายเป็นเหมือนบ้านร้าง เพราะเจ้าของบ้านอพยพหนีตายไปกันหมด พวกตนจึงเข้าไปค้นหาอาหาร มีเพียงขนมปังที่คนพื้นเมืองนิยมกิน จึงหยิบใส่ถุงไว้กินระหว่างหลบหนี โดยอาศัยหลับนอนในสวนเกษตร ยามค่ำคืนไม่มีแม้แต่แสงไฟ แต่ละคนอยู่ด้วยความหวาดกลัว ส่วนอาหารที่เป็นขนมปังจะกินแค่คำสองคำ เพื่อประทังความหิวเท่านั้น เพราะมีน้อยนั่นเอง
ด้านการสื่อสารถูกตัดขาด จากโลกภายนอก แม้พยายามจะขึ้นไปบนที่สูงหาคลื่นก็ไม่มี พวกตนกว่า 10 คนแทบหมดความหวัง คิดว่าคงเอาชีวิตมาทิ้งในต่างแดนซะแล้ว บางคนร่ำไห้ถึงครอบครัวอย่างคนไร้สติ กระทั่งเดินเท้ามาถึงเขตชุมชน ก็เข้าสู่วันที่ 7 ของการหลบหนีจากแคมป์ มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ละคนดีใจรีบกดหาครอบครัวที่เมืองไทย ขณะที่บางคนแบตเตอรี่หมด ต้องยืมของเพื่อนโทรหาญาติ โดยสถานที่แรกที่พวกตนติดต่อคือสถานฑูตไทย เมื่อแจ้งพิกัดกับเจ้าหน้าที่แล้ว ไม่นานก็มีทหารเข้ามารับตัวไปยังศูนย์อพยพ พร้อมยื่นความต้องการขอเดินทางกลับบ้าน โดยจองตั๋วเครื่องบินได้วันที่ 18 ตุลาคม นี้
ทางด้าน นางศิริพร แสงบุญ แม่ของนายออย เปิดเผยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากหลายวันก่อนมาก ว่า หลังทราบข่าวการสู้รบพยายามแชทหาลูกก็ไม่มีเสียงตอบรับ ด้วยความห่วงใยจึงไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง ใครแนะนำให้ทำอะไรก็ทำหมด ไปหาพระตรวจดวงชะตาลูกก็บอกว่าไม่ตายปลอดภัยดี ซึ่งตนได้จุดธูป 9 ดอกบอกเทวดา เจ้าที่เจ้าทางคุ้มครองลูกชายด้วย แล้วไปปักไว้ที่ลานกว้างหลังบ้าน วันนี้เป็นวันแรกที่กินข้าวอิ่มที่สุด
นางศิริพรเล่าเพิ่มเติมว่า นายออยไปทำงานอิสราเอลผ่านกรมการจัดหางาน เมื่อกลางปี 2565 โดยมีค่าใช้จ่ายรวม 180,000 บาท เป็นเงินที่หยิบยืมจากญาติหลายคนมารวมกัน ทำงานในสวนเกษตรส่งเงินกลับบ้านเดือนละ 4-50,000 บาท เพียง 8 เดือนก็หมดหนี้ และกำลังเก็บเงินไว้สร้างฐานะ กะไว้ว่าถ้าลูกทำงานครบสัญญา 5 ปี ส่วนหนึ่งจะนำมาต่อเติมบ้าน ที่สร้างยังไม่เสร็จ แม้แต่ช่องหน้าต่างยังต้องเอาสังกะสีมาปิดไว้ ที่เหลือจะให้ลูกไปสร้างเนื้อสร้างตัว เพราะยังเป็นหนุ่มโสดไม่มีลูกเมีย เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เอาแล้วเงินขอชีวิตลูกกลับมาอย่างเดียว
[ad_2]
Source link