[ad_1]
“ทักษิณ ชินวัตร” กลับไทยแล้ว ถวายพวงมาลัยพร้อมกราบพระบรม ฉายาลักษณ์ในหลวงและพระราชินี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ลูก 3 คน ลูกเขย ลูกสะใภ้ และหลานอีก7 รอรับในห้องรับรองวีไอพี พร้อมถ่ายรูปร่วมกันพร้อมหน้าเป็นครั้งแรกชื่นมื่น สส.พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และแฟนคลับแห่รับคึกคัก หลังพิมพ์ลายนิ้วมือรับเป็นผู้ต้องหาเข้ามอบตัวพาส่งศาลฎีกา อ่านความผิด 3 คดี รวมโทษจำคุก 8 ปี ส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที “ราชทัณฑ์” แบะท่าหลังตรวจร่างกาย ยันมี 4 โรคประจำตัวเข้าเงื่อนไขกลุ่มเปราะบาง และเป็นผู้สูงอายุในกลุ่ม 608 ขอรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ ที่สำคัญสามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้ทันที แต่ช่วงแรกห้ามเยี่ยมต้องกักโรค 10 วัน “ยิ่งลักษณ์” น้ำตาซึมโพสต์ซึ้ง พร้อมรูปมาส่งถึงสนามบินสิงคโปร์ ขอให้ทุกอย่างราบรื่น เคารพในการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของพี่สุดที่รัก
กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาประเทศไทยในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ยืนยันว่า การกลับมาของนายทักษิณเป็นการกลับมาของคนไทยคนหนึ่งที่มีสิทธิ์กลับประเทศบ้านเกิด เพราะทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์พูดเสมอว่าอยากกลับมาเลี้ยงหลาน ยืนยันว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องการเมืองหรือมาเป็นตัวประกัน การกลับมาครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของนายทักษิณและเป็นการตกลงกับครอบครัว จึงไม่มีใครมาหลอกและไม่ได้หลอกใคร ประเด็นดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมรอลุ้นว่าจะจริงหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้เลื่อนการเดินทางกลับประเทศไทยมาแล้ว 19 ครั้ง
คนเพื่อไทยแห่รับ “ทักษิณ”
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 22 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคล หรืออาคารเอ็มเจ็ท (MJETS) จุดลงเครื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังหลบหนีคดีไปกว่า 15 ปี มีมวลชนคนเสื้อแดงจากทั่วประเทศมารอต้อนรับบริเวณริมถนนวิภาวดียาวไปถึงอาคารผู้โดยสารจำนวนมาก มวลชนแสดงป้ายข้อความให้กำลังใจ อาทิ “17 ปีที่รอคอย ยินดีต้อนรับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านเรารักรออยู่ จ.กาฬสินธุ์” “ยินดีต้อนรับท่านนายกฯทักษิณ กลับบ้านจากพี่น้องหางดง สันป่าตอง จ.เชียงใหม่” ต่อมาบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยทยอยเดินทางมารอรับบริเวณด้านหน้าอาคารเอ็มเจ็ท อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค เพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ สส.บัญชีรายชื่อ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต สส.กทม.พรรคเพื่อไทย และนายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย
เปลี่ยนนาฬิกาหรูบนเครื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินส่วนตัวของนายทักษิณเดินทางออกจากสนามบินสิงคโปร์เวลา 06.53 น. เป็นที่น่าสังเกตว่า ตอนขึ้นเครื่องนายทักษิณใส่นาฬิกาปาเต็ก ฟิลลิปป์ (Patek Philippe) รุ่น Grandmaster Chime Ref. 6300 อ้างอิงจากเว็บไซต์ประมูลนาฬิกาต่างประเทศหลายแห่งและในประเทศไทยมีราคาเริ่มต้นที่ 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 315 ล้านบาท) ไปจนถึง 31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ( 1,087 ล้านบาท) แต่ระหว่างอยู่บนเครื่องปรากฏว่า นายทักษิณเปลี่ยนไปใส่นาฬิกาโอเมก้า (OMEGA) รุ่น X SWATCH Mission to Mars เป็นนาฬิกาเพื่อเป็นการรำลึกถึงดาวอังคารโทนสีแดง เพลิงตัดกับหน้าปัดสีขาวสว่างและสาย VELCRO มูลค่าเรือนละ 9,300 บาท
“ยิ่งลักษณ์” โพสต์น้ำตาซึม
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความถึงนายทักษิณว่า “และแล้ววันที่พี่รอคอยก็มาถึง ตลอดเวลา 17 ปีพี่คงจะรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา ทุกข์ และคิดถึงบ้านมาก แต่พี่ก็ต้องอดทน และน้องเชื่อว่าพี่คงใช้เวลาคิดตัดสินใจอยู่นาน แต่สุดท้ายด้วยความคิดถึงครอบครัวและอยากใช้ชีวิตที่ประเทศบ้านเกิดของเรา น้องก็เคารพในการตัดสินใจ ที่เด็ดเดี่ยวของพี่ครั้งนี้ น้องขอเก็บภาพความทรงจำที่ได้ร่วมเดินทางจากดูไบมาส่งพี่จนถึงเครื่องบินก่อนกลับเมืองไทย น้องขอให้พี่โชคดี เดินทางกลับอย่างปลอดภัย ทุกอย่างราบรื่น และอย่าลืมรักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะคะ พี่ไม่ต้องห่วงน้องนะ น้องจะเข้มแข็ง อดทน และจะดูแลตัวเองแม้อยู่ในต่างที่ ต่างบ้าน ต่างเมืองคนเดียว เพราะตลอด 6 ปีที่น้องจากบ้านเกิดมา น้องมีพี่คอยดูแลเป็นอย่างดี แต่อดใจหายไม่ได้ เพราะนี่คือ ครั้งแรกที่เราไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน อย่างไรก็ตามขอให้วันเวลาที่พี่ตั้งตารอที่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัววันนั้นมาถึงโดยเร็ว โชคดีนะคะพี่ รักพี่เสมอพี่ชายที่แสนดีของน้องค่ะ” นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังลงภาพคู่ขณะที่เดินทางมาส่งนายทักษิณขึ้นเครื่อง นายทักษิณมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์สีหน้าเศร้าซึม ดวงตาแดงก่ำเหมือนเพิ่งร้องไห้มา พร้อมทั้งลงคลิปวิดีโอการส่งนายทักษิณที่ทั้งคู่กอดกัน พร้อมลงข้อความอีกว่า “ขอให้วันเวลาที่พี่ตั้งตารอที่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัววันนั้นมาถึงโดยเร็ว โชคดีนะคะพี่ รักพี่เสมอ พี่ชายแสนดีของน้องคะ”
แฟนคลับ “ทักษิณ” มากันคึกคัก
ด้านถนนเทวฤทธิ์พันลึก ตั้งแต่ช่องทางเข้าที่ 9 สนามบินดอนเมืองจนถึงทางเข้าอาคารเอ็มเจ็ท สถานที่จอดเครื่องบินส่วนตัวภายในพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้ามืดจนถึงเช้าตรู่ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ แดงเชียงราย แดงกาฬสินธุ์ เชียงใหม่ จันทบุรี อุทัยธานี สกลนคร อุดรธานี ขอนแก่นฯลฯ จำนวนมากทยอยออกเดินทางจากภูมิลำเนาด้วยพาหนะต่างๆ มารวมตัวกันรอต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในดวงใจ ปักหลักยืนนั่งสองฝั่งถนนทั้งขาเข้าและออก พร้อมทั้งขึ้นป้ายข้อความต้อนรับเป็นแนวยาวถนนเทวฤทธิ์พันลึกไปจนถึงประตูทางเข้าอาคารเอ็มเจ็ทบรรยากาศคึกคัก ขณะเดียวกันมีการนำอาหารน้ำดื่มมาแจกจ่ายพร้อมเปิดเครื่องขยายเสียงร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน
ปราศรัยยกย่องผลงานในอดีต
เวลา 08.30 น. ใกล้ถึงเวลาเครื่องบินลงจอดตามกำหนดรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงของกลุ่มแดงก้าวหน้า 63 นำมวลชนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ พร้อมป้ายข้อความยินดีต้อนรับนายกฯทักษิณกลับบ้าน เดินเท้ามารวมตัวกันหน้าทางเข้าอาคารเอ็มเจ็ท เปิดปราศรัยกับมวลชนด้วยเนื้อหายกย่องชื่นชมการบริหารประเทศของนายทักษิณขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแสดงความยินดีที่ได้กลับสู่มาตุภูมิหลังจากไปนาน 17 ปี ถึงกับมีคำพูดที่ว่า เป็นนายกฯที่โกงกินแต่ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี
ต่อมามีรถโมบายของมวลชนกลุ่มต่างๆทยอยมาปักหลักจอดรวมกลุ่มทั้งสองฟากฝั่งถนนจนการจราจรแทบเป็นอัมพาต อย่างไรก็ตาม ระหว่างการรอเครื่องบินส่วนตัวนายทักษิณลงจอดที่สนามบินดอนเมือง แกนนำแต่ละกลุ่มประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง รายงานความคืบหน้าของการเดินทางต่างประเทศให้มวลชนที่ปักหลักยืนรอรับทราบเป็นระยะๆ
ตะโกนเชียร์ลั่น “เรารักทักษิณ”
เวลา 09.25 น. แกนนำมวลชนแฟนคลับทักษิณ ประกาศให้คนเสื้อแดงที่มารอรับตั้งแต่เช้าบริเวณทางออกอาคารเอ็มเจ็ททราบว่า ขณะนี้นายทักษิณเหยียบผืนแผ่นดินไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากบริเวณด้านนอกพร้อมใจกันตะโกนคำว่า “เรารักทักษิณ” “เสื้อแดงรักทักษิณ” บางคนปีนรั้วชะเง้อมองหานายกในดวงใจแต่ไม่สามารถมองเห็นได้ แค่โบกไม้โบกมือโบกธงแดง ชูป้าย แล้วส่งยิ้มเข้าไปในอาคารสนามบิน แต่บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความดีใจ จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงทยอยถอนตัวออกจากบริเวณประตูทางเข้าอาคารเอ็มเจ็ทมารวมตัวกันบริเวณหัวถนนเทวฤทธิ์พันลึกช่องทางออกถนนวิภาวดี หน้าปั๊ม ปตท. เนื่องจากเข้าใจว่า ขบวนรถของนายทักษิณจะเคลื่อนออกจากสนามบินผ่านบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบว่าอดีตนายกฯเดินทางออกจากพื้นที่ไปแล้ว แกนนำเชิญชวนให้มวลชนไปปักหลักรอรับนายทักษิณที่บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป
นาทีลูกหลานรอรับกลับไทย
ในส่วนครอบครัวชินวัตรเข้ามารอที่ห้องรับรอง วีไอพีเอ็มเจ็ท ประกอบด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโต และ น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลาง นำครอบครัวโดยเฉพาะลูกๆทั้งหมดมาพบคุณตาเป็นครั้งแรกแบบพร้อมหน้า โดยเฉพาะน้อง “ธาษิณ” ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ รวมทั้งลูกฝาแฝดของนายพานทองแท้มารอพบคุณปู่ด้วย หลังนายทักษิณเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวกลับมาถึงประเทศไทย ถูกนำตัวไปทำตามขั้นตอนผู้ต้องหาเดินทางเข้ามอบตัว ขั้นตอนแรกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) รับตัวพาไปบันทึกจับกุมตามขั้นตอนต่างๆ ขณะที่ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนตามหมายศาลที่เป็นผู้พิจารณาและตัดสิน
ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์
ต่อมาเวลา 09.24 น. นายทักษิณพร้อมลูกทั้ง 3 คนเดินออกมาบริเวณด้านหน้าอาคารเอ็มเจ็ท แต่ไม่มีหลานๆทั้ง 7 คนออกมาด้วย ยังรออยู่ภายในอาคารเนื่องจากยังเป็นเด็กและเยาวชน เมื่อเดินออกมาถึงนายทักษิณโค้งคำนับถวายความเคารพต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จากนั้นนำพวงมาลัยที่ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ถือถวายบนพานก่อนก้มกราบด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ทักทายผู้สนับสนุนและแฟนคลับ
หลังจากนั้นนายทักษิณลุกขึ้นยกมือสวัสดีไปทางกลุ่มแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มารอรับ พร้อมโบกมือให้มวลชนคนเสื้อแดงบริเวณด้านนอกอาคารเอ็มเจ็ท พร้อมทั้งยกมือไหว้สวัสดีทักทายกองทัพช่างภาพสื่อมวลชน พร้อมลูกทั้ง 3 คนพูดว่า “สวัสดี ขอบคุณทุกๆคน” ก่อนเดินกลับไปยังมุมที่แกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยรออยู่ จับมือทักทายนายประเสริฐ นายเกรียง นายสมศักดิ์ นายสุริยะ และนายภูมิธรรม ก่อนโบกมือทักทายมวลชนอีกครั้ง ทำให้กลุ่มมวลชนส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี ที่ได้เห็นภาพนายทักษิณตัวเป็นๆกลับประเทศไทย จากนั้นนายทักษิณกลับเข้าไปในอาคารเอ็มเจ็ทเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยใช้เวลาเพียง 2 นาที
“ภูมิธรรม” ดีใจกอดได้กอดไปแล้ว
ด้านนายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้แค่ได้จับมือมองหน้าส่งความรู้สึกที่ดีต่อกัน นับเป็นกำลังใจที่อบอุ่นมาก นายทักษิณเป็นทรัพยากรที่มีประโยชน์กับประเทศมาก สามารถทำอะไรอีกหลายอย่างให้สังคมไทย ดูสีหน้านายทักษิณมีสุขภาพแข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส รู้สึกว่านายทักษิณดีใจมาก คงไม่นึกว่าจะมีวันนี้ ถือเป็นกำลังใจในการทำงานให้กับพวกเราทุกคนด้วยหัวใจ เมื่อเราเห็นท่านกลับมารู้สึกว่า คนที่มีคุณค่ากับสังคมไม่มีวันตาย วันนี้ถือเป็นวันที่ดีมากๆของพี่น้องคนไทยและนักการเมืองทุกฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อไปให้ประเทศผ่านวิกฤติและความขัดแย้งต่างๆไปได้ด้วยดี
“ชูวิทย์ กุ๋ย” จะพาทัวร์หลังพ้นโทษ
นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวอย่างตื้นตันว่า ถือเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ได้นายเห็นนายทักษิณกลับถึงประเทศไทย 17 ปีที่รอคอยวันนี้มาถึงแล้ว แต่ยอมรับว่ายังเป็นห่วงที่จะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ขอภาวนาให้ได้กลับออกมาเร็วๆ ประชาชนรออยู่ หลังจากออกมาแล้วจะชวนให้ไปพบประชาชน เพื่อทำพิธีให้ประชาชนสู่ขวัญในพื้นที่ภาคอีสานทุกจังหวัด
“อิ๊ง” ลงรูปครอบครัวพร้อมหน้า
ต่อมาเวลา 09.40 น. น.ส.แพทองธาร โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว ภาพนายทักษิณถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวที่ประกอบไปด้วยลูกทั้ง 3 คน ลูกสะใภ้ ลูกเขย และหลานๆทั้ง 7 คน พร้อมลงข้อความว่า “ตอนนี้คุณพ่อเดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพแล้ว และเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายเรียบร้อย ขอบคุณทุกคนที่มารอรับคุณพ่อ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทุกคนส่งมาให้นะคะ อิ๊งค์และครอบครัวรู้สึกซาบซึ้งใจ มากค่ะ”
“วราวุธ” มารับคุณอาด้วย
ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เดินทางมารอรับนายทักษิณ ชินวัตร เช่นกัน กล่าวว่า รู้จักกันมานานและร่วมหัวจมท้ายตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่สำคัญเชื่อว่า หากนายบรรหาร บิดา ยังมีชีวิตอยู่คงมารับด้วย หลังจากนี้จะเดินทางเข้ารัฐสภาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. ที่เสนอนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า 10 เสียงของพรรคจะโหวตไปในทิศทางเดียวแม้ไม่ใช่มติพรรค แต่มีทิศทางเดียวกัน ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีที่ได้ 1 ตำแหน่ง รอลุ้นเช่นกันว่าจะได้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเหมือนเดิมหรือไม่ วันนี้หากได้เจอนายทักษิณจะพูดคุยและแสดงความยินดีว่า วันนี้คุณอาได้กลับบ้าน 17 ปี เป็นเวลาเนิ่นนานพอสมควรที่อยู่ห่างแผ่นดินเกิด วันนี้ดีใจแทนคุณอุ๊งอิ๊ง คุณเอม และคุณโอ๊ค เชื่อว่าญาติพี่น้องอีกหลายคนคงดีใจ
วางกำลังศาลฎีกาเข้มงวด
บรรยากาศบริเวณศาลฎีกา เวลา 08.05 น.กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย เข้ามาควบคุมพื้นที่ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศิริปรีดา ผบก.น.1 เผยว่า เบื้องต้นเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 100 นาย เป็นกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจในพื้นที่ บก.น.1 ดูแลพื้นที่โดยรอบศาลฎีกา การข่าวยังไม่พบว่าจะมีกลุ่มบุคคลเข้ามาก่อความวุ่นวายหรือกลุ่มมือที่สาม ส่วนในพื้นที่ บก.น.1 ตามเส้นทางช่วงลงจากทางด่วนยมราชมุ่งหน้าศาลฎีกามีจุดสูงข่มหลายจุดนั้น ทราบว่าตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.ลงพื้นที่ตรึงจุดเสี่ยงและจุดสูงข่มต่างๆโดยรอบตามเส้นทาง ส่วนการเข้ามาของกลุ่มผู้สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะนี้ทราบว่า ทั้ง 2 กลุ่มประสานข้อมูลกับตำรวจยืนยันว่า จะไม่มีการกระทบกระทั่งกัน จะอยู่ตามจุดที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ มีข้อมูลว่ากลุ่มผู้ชุมนุมผู้สนับสนุนนายทักษิณประมาณ 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจบริเวณศาลฎีกาช่วงใกล้เวลาที่นายทักษิณจะเดินทางมาถึง ส่วนกลุ่มของนายสุเทพจะอยู่ที่ด้านข้างศาล ริมคลองหลอด
“ทักษิณ” ถึงศาลท่าทางสงบ
ต่อมาเวลา 10.40 น. พ.ต.อ.คมวุฒิ จองบุญวัฒนา ผกก.ด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพฯ บก. ตม.2 พร้อมกำลัง นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร บุคคลตามหมายจับมาส่งต่อศาลฎีกามีรถในขบวนนับสิบคัน แต่ไม่มีใครได้เห็นตัวจนเข้าสู่ห้องพิจารณา นายทักษิณนั่งในที่นั่งจำเลยท่าทางสงบจนศาลออกนั่งบัลลังก์ 3 คน มีประธานแผนกคดีอาญานักการเมือง เป็นองค์คณะอ่านคำพิพากษาด้วย ต่อมาเมื่อโจทก์จำเลยมาพร้อม มีผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้ง 3 มาศาล และแจ้งยืนยันว่า บุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลเป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้ง 3 คดี โดยจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นจำเลยในคดีทั้งสาม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตรวจสอบบุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลแล้ว เป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้ง 3 คดี ดังนี้
แจงเป็นจำเลยทั้งหมด 3 คดี
1.คดีเอ็กซิมแบงก์หมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 ระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย 2.คดีหวยบนดินหมายเลขดำที่ อม.1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 ระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 47 คน และ 3.คดีแปลงสัญญาสัมปทานเอื้อประโยชน์ชินคอร์ป หมายเลขดำที่ อม.9/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ของศาลนี้ ระหว่างอัยการสูงสุดโจทก์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย
ออกหมายขัง 8 ปี ส่งเรือนจำ
จึงรับตัวจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้ง 3 คดีดังกล่าวไว้ และศาลแจ้งให้จำเลยหรือจำเลยที่ 1 ทราบคำพิพากษาแล้ว คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 ลงโทษจำคุก 3 ปี คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 ลงโทษจำคุก 2 ปี คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ลงโทษจำคุกรวม 5 ปี นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 และต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 ศาลจึงออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว ใช้เวลาอยู่ที่ศาลฎีกาไม่เกิน 25 นาที เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้รับตัวนายทักษิณไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยไม่ได้สวมกุญแจมือและไม่ได้เปลี่ยนชุดที่ศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการนับโทษต่อคดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 และคดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 ศาลฎีกาฯนักการเมืองไม่ได้สั่ง ให้นับโทษต่อ (คดีที่ 1 เท่ากับ 3 ปี คดีที่ 2 เท่ากับ 2 ปี นับโทษซ้อนกัน) แต่ให้นับโทษต่อคดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 รวมแล้วจำคุก 3 คดี เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 3 ปี บวก 5 ปี
วางกำลังหน้าเรือนจำเต็มที่
ส่วนบรรยากาศหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร ถนนงามวงศ์วาน กลุ่มมวลชนเสื้อแดงเดินทางมาปักหลักรอให้กำลังใจนายทักษิณ นำโดย นายชัชวาล กาญจนะหุต หรือชัช ทีโอที และนายจุติพงษ์ พุ่มมูล ใช้รถติดเครื่องขยายเสียงมาจอดใกล้ประตูทางเข้าเรือนจำ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนรับมือไว้พร้อมจัดกำลังมาควบคุมพื้นที่ริมรั้วเรือนจำตลอดแนวทางเท้า นำแผงรั้วเหล็กมากั้นไม่ให้มวลชนล้ำเข้าไปบนถนนงามวงศ์วาน ส่วนทางเข้าเรือนจำนำลวดหนามและแผงเหล็กมากั้นห่างจากประตูทางเข้าเรือนจำราว 10 เมตร ป้องกันมวลชนไม่ให้ประชิดติดริมรั้ว ทั้งนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมายืนเข้าแถวกันเป็นแนว เพื่อให้ขบวนรถกรมราชทัณฑ์สามารถวิ่งผ่านเข้าเรือนจำได้สะดวก
เสื้อแดงมั่นใจติดคุกไม่นาน
เวลา 11.25 น. ขบวนรถของกรมราชทัณฑ์ ควบคุมตัวนายทักษิณจากศาลฎีกามาถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อขบวนรถแล่นผ่านมวลชนเสื้อแดงที่มารอให้กำลังใจ มีการตะโกนคำว่า “เรารักทักษิณ” พร้อมโบกไม้โบกมือชูป้าย หวังให้นายทักษิณได้เห็น ทั้งนี้ แกนนำรายหนึ่งได้กล่าวว่า อดีตนายกฯน่าจะอยู่ในเรือนจำไม่นาน จะสามารถออกมาร่วมบริหารและพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้อีก เรียกเสียงไชโยโหร้องจากมวลชนเสื้อแดงแฟนคลับทักษิณก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับ
ราชทัณฑ์ดูแลละเอียดยิบ
ต่อมาเวลา 13.30 น. ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ร่วมกันแถลงถึงรายละเอียดขั้นตอนการรับตัวและควบคุมตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์รับมอบนโยบายจากกระทรวงยุติธรรม 3 เรื่อง 1.เรือนจำพิเศษกรุงเทพจะดูแลเรื่องความปลอดภัยของนายทักษิณเป็นหลัก เนื่องจากในเรือนจำ มีผู้ต้องหาจำนวนมาก ต้องดูแลทั้งอาหาร น้ำดื่มและการเข้าเยี่ยม 2.นายทักษิณมีครอบครัวและเพื่อน รวมถึงองค์กรต่างๆที่จะมาเยี่ยมจำนวนมาก ต้องจัดสถานที่ให้เพียงพอต่อการเข้าเยี่ยมให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และ 3.เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุวัย 74 ปี เรือนจำต้องดูสุขภาพอนามัยเพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาจะเป็นการยากลำบาก อยู่ในเรือนจำจะมีปัญหา
ไม่กล้อนผมแนวโน้มแยกขัง
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวด้วยว่า ทางเรือนจำให้เกียรติโดยให้นายทักษิณใส่เสื้อสีขาวเข้ม เดินเข้าทางประตู 2 ผ่านประตู 3 เพื่อเข้าไปสู่จุดที่จะต้องสอบประวัติ ใช้เวลาไม่นานนัก พิมพ์ลายนิ้วมือถ่ายภาพ เบื้องต้นเจ้าตัวไม่ได้มีสีหน้ากังวล และไม่มีการร้องขออะไรพิเศษ ส่วนระเบียบการตัดผมเป็นรองทรง ถ้ายังไม่ยาวก็ไม่ต้องรีบตัด ไม่ได้ถึงขั้นกล้อนผมแบบทั่วๆไป เพราะเป็นผู้สูงอายุกลุ่ม 608 ในช่วง 10 วันนี้จะอยู่ในห้องกักโรคของทัณฑสถานกรุงเทพฯจัดไว้ให้อยู่คนเดียวโดยไม่ปะปนกับผู้ต้องหาอื่น หลังจากนี้จะแยกไปอยู่แดนอื่นต้องดูว่า ผบ.เรือนจำจะจัดอย่างไร แต่ต้องดูเรื่องความปลอดภัยเพราะเป็นผู้สูงอายุคงต้องอยู่เดี่ยว ต้องมีผู้ต้องขังที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขคอยดูแลหรือไม่เป็นเรื่องที่เรือนจำต้องพิจารณา หากเจ็บป่วยต้องส่งไปรักษาตัวต่อข้างนอก ต้องพิจารณา รพ.ตำรวจก่อนเป็นอันดับแรก
ต้องกักโรค 10 วันห้ามเยี่ยม
ด้านนายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ส่วนมาตรการเข้าเยี่ยมนั้น เบื้องต้นต้องกักตัวก่อน 10 วันถึงสามารถเยี่ยมได้ ช่วง 5 วันแรก จะกักตัวแบบเข้มข้น ผู้อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้จะมีเฉพาะทนายความ 5 วันหลังจะผ่อนปรนผู้เข้าเยี่ยม อาจเป็นญาติหรือผู้เกี่ยวข้องได้ แต่เป็นการเยี่ยมในระบบออนไลน์
ขอพระราชทานอภัยโทษได้ทันที
โฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ สามารถยื่นได้เลยตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่เรือนจำ อยู่ที่ขั้นตอนทางเอกสารว่าพร้อมหรือไม่ เมื่อยื่นเอกสารให้ทางเรือนจำแล้วจะมีคณะกรรมการพิจารณา เพื่อส่งไปยังกรมราชทัณฑ์ เสนอกระทรวงยุติธรรมและนายกฯลงนาม การพระราชทานอภัยโทษมี 2 ประเภทคือ เป็นการทั่วไปตามวโรกาสต่างๆและเฉพาะราย การยื่นของนายทักษิณนั้นจะเป็นการยื่นแบบเฉพาะราย กระบวนการเสนอจะอยู่ราว 1-2 เดือน เมื่อนายกฯลงนามจะเสนอไปที่องคมนตรีและนำทูลเกล้าฯต่อไป
4 โรครุมเป็นกลุ่มเปราะบาง
นายวัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กล่าวว่า จากการตรวจร่างกายเบื้องต้นมีโรคจำเป็นต้องเฝ้าระวังคือ 1.โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ตามประวัติของการรักษามีการทานยาละลายลิ่มเลือด 2.มีปัญหาเรื่องปอดเพราะมีประวัติการป่วยด้วยโรคปอดอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 รักษาหายแล้วยังมีภาวะพังผืดในปอดทำให้ผิดปกติ มีอาการเหนื่อยง่าย 3.มีปัญหาความดันโลหิตสูงอยู่ระหว่างการควบคุม และรักษาด้วยการทานยา ตรวจเบื้องต้นพบความดันโลหิตผิดปกติ และ 4.มีภาวะเสื่อมของกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท ทำให้ปวดเรื้อรัง การทรงตัวและการเดินผิดปกติตามอายุ นายทักษิณถือเป็นกลุ่มเปราะบาง แนวทางปฏิบัติของเรือนจำทั่วประเทศ ผู้บริหารมีนโยบายให้อยู่ในพื้นที่ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย กรณีที่เจ็บป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันทีเพื่อลดความสูญเสีย จำเป็นต้องขอข้อมูลจากแพทย์ประจำตัวเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
ยันให้สิทธิเหมือนผู้ต้องหาอื่น
นายนัสธี ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมของนายทักษิณยังเป็นเหมือนผู้ต้องขังคนอื่น การทานอาหารและทำภารกิจเป็นไปตามระเบียบเรือนจำ สิทธิอื่นๆที่ต้องดำเนินการ เช่น การพบทนาย การเยี่ยมญาติเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติ ช่วงแรกที่เข้าเรือนจำนายทักษิณจะได้อาหารเบาๆประเภทเบเกอรี ส่วนช่วงค่ำจะเป็นข้าวต้มกับผัก แต่ต้องดูว่าท่านจะทานได้หรือไม่ หลังจากครบกำหนดกักโรค 10 วันแล้วจะมีมาตรการจำแนกตามความเสี่ยง โดยกำหนดพื้นที่เฉพาะไว้ให้ ถ้ามีโรคประจำตัวจะอยู่แดนพยาบาล หรือแดนผู้สูงอายุ หรือผู้ที่จะต้องได้รับยา
ขอมอบตัว “บิ๊กเด่น” ก่อนกลับ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่รับตัวตามขั้นตอนของบุคคลมีหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวม 3 หมายจับก่อนหน้านี้นายทักษิณทำหนังสือประสานขอมอบตัวกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ก่อนเดินทางเข้ามา ถือเป็นการมอบตัว เมื่อเดินทางมาถึงตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนำหมายศาลเข้าไปแสดง อ่านหมายจับให้ทราบ และเข้าสู่ขั้นตอนการยืนยันอัตลักษณ์บุคคล รวมถึงพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ลงบันทึกประจำวัน จากนั้นนำตัวไปแสดงต่อศาลฎีกาฯนักการเมือง เพื่อให้ ออกหมายขังก่อนส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว ไปเรือนจำ ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการของตำรวจ
โรงพยาบาลตำรวจพร้อมรักษา
“หลังส่งตัวให้ราชทัณฑ์และพบว่า นายทักษิณป่วยมีโรคประจำตัวหลายโรค เช่น โรคหัวใจและโรคปอด ขบวนการนี้หากกรมราชทัณฑ์มีความประสงค์จะส่งมารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ก็พร้อม เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีเครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์ครบ อีกทั้งเป็นหน่วยงานที่อยู่ในกำกับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความประสงค์ของราชทัณฑ์ว่าจะส่งตัวมาหรือไม่ หรือกรณีผู้ต้องขังร้องขอไปรักษาตัวโรงพยาบาลอื่น ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกรมราชทัณฑ์ว่าจะอนุญาตหรือไม่ หากถูกส่งตัวมารักษาที่ รพ.ตำรวจ หน้าที่หลักในการดูแลความปลอดภัยเป็นของราชทัณฑ์ ตำรวจจะสนับสนุนหรือช่วยดูแลตามการร้องขอ ไม่ได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษเพราะพร้อมอยู่แล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานส่งตัวมารักษา” พล.ต.ท.ประจวบกล่าว
ต้องดูความปลอดภัยอดีตนายกฯ
พล.ต.ท.ประจวบกล่าวด้วยว่า หลังจากมีมวลชนคนเสื้อแดงมาให้การต้อนรับนายทักษิณจำนวนมาก รวมทั้งมีกลุ่มเห็นต่าง ขณะนี้การข่าวยังไม่พบเหตุบ่งชี้ถึงความรุนแรงและหรือภัยคุกคามต่อนายทักษิณ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า เจ้าหน้าที่รัฐอำนวยความสะดวก ให้นายทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีพิเศษกว่าคนทั่วไปนั้น ยืนยันว่า การปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอน เพียงแต่นายทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ตำรวจต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและจัดกำลังดูแลความปลอดภัยตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
บีบีซีวิเคราะห์ “ทักษิณ” กลับไทย
วันเดียวกันนายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีอังกฤษ รายงานการกลับไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า น่าจะมีการตกลงเรียบร้อยกับขั้วสถาบันคู่ปรับในเรื่องไม่ต้องเข้าเรือนจำ ขณะที่กลุ่มคนไทยที่สนับสนุนสถาบันอย่างสุดโต่งดูเหมือนมองข้ามความไม่พอใจที่มีต่อตระกูลชินวัตร เพราะเห็นว่าพรรคก้าวไกลและกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นภัยต่อสถาบันมากกว่า ส่วนทางตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทยที่มีความเป็นนักธุรกิจ และยังมีความเป็นอนุรักษนิยมอยู่ ต้องการกลับมาเป็นรัฐบาล ต้องการหลักประกันให้นายทักษิณกลับบ้าน จนไม่กังวลเรื่องเสียชื่อเสียงที่สั่งสมมา กระนั้นสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางส่วนมีความกังวลว่า ข้อตกลงกลับบ้านครั้งนี้จะทำให้พรรคสูญเสียฐานเสียงรากหญ้าที่ครองมานานกว่า 2 ทศวรรษ หรือถึงขั้นว่าอาจเสียฐานเสียงแบบกู่ไม่กลับ
วิเคราะห์แก่แล้วไม่เป็นภัย
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานด้วยว่า สื่อมวลชนในไทยต่างตั้งข้อสังเกตว่า พรรคเพื่อไทยอาจมีการตกลงหลังฉากกับกลุ่มการเมืองคู่ปรับเพื่ออนุญาตให้นายทักษิณกลับบ้าน แต่ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยปฏิเสธมาตลอดว่า นายทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในการจับขั้วตั้งรัฐบาล เช่นเดียวกับนายทักษิณที่ปฏิเสธมาตลอดหลายเดือนว่า ได้เจรจาต่อรองกับกลุ่มนายพลกองทัพที่ในอดีตโค่นนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงจากอำนาจ ส่วนสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นสหรัฐฯ รายงานว่า การที่พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนนิยมแบบก้าวกระโดดกลายเป็นโอกาสที่ทำให้นายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย ความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งแรกของพรรคเพื่อไทย ประกอบกับนายทักษิณมีอายุ 74 ปีแล้วทำให้ถูกมองว่าไม่เป็นภัยอีกต่อไป และเป็นพรรคก้าวไกลต่างหากที่ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคาม ตัวจริง
แจงคนจับผิดนาฬิกา “ทักษิณ”
ส่วนกรณีมีการโพสต์ภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั่งบนเครื่องระหว่างเดินทางกลับประเทศไทย สวมใส่นาฬิกาหรูปาเต็ก ฟิลิปป์ รุ่น 2019 NEW Grand Complications 47.4 mm Grandmaster Chime 6300G ราคากว่า 100 ล้านบาท แต่เมื่อถึงประเทศไทยกลับสลับใส่นาฬิกา Swatch X Omega Mission to the Mars ราคา 9,300 บาทแทน ถือเป็นการหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า ของติดตัวผู้เดินทางที่ใส่มาเลย ไม่ได้เป็นการหิ้วตามกล่อง หรือห้อยป้ายสินค้ามาตามกฎหมายกรมศุลกากรจะไม่เข้าไปเก็บภาษีแม้จะสับเปลี่ยน ระหว่างเดินทาง ตามกฎหมายอนุญาตให้นำของที่ติดตัวมาได้ไม่ว่าจะเป็นสร้อย แหวน นาฬิกา หรือพระเครื่อง เป็นต้น กฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า หากเป็นของติดตัวผู้เดินทาง สมควรแก่ฐานะจะได้รับการยกเว้นภาษี กรมศุลกากรไม่ได้กำหนดว่าต้องราคาไม่เกินเท่าใด หากกรณีเป็นผู้เดินทางขาเข้าประเทศ ซื้อสินค้าใส่กล่องกลับมา กรมศุลจะเข้าไปตรวจทันที หากพบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนดต้องเสียภาษี เช่น กรณีนาฬิกาอยู่ในกล่อง ยังไม่ตัดสาย เป็นต้น แต่กรณีอดีตนายกฯนั้น เป็นของใช้ส่วนตัวและมีการใช้มาแล้ว
[ad_2]
Source link